ทริปเที่ยวเส้นทางวัดแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่

เจดีย์วัดแหลมสัก จ.กระบี่

วันหยุดว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไรดี ไปเที่ยววัดแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ หรือเราเรียกชื่อเป็นทางการกันดีกว่า “วัดมหาราตุแหลมสัก” วัดที่ดูจะธรรมดาๆ แต่ไม่ธรรมดาเอาซะเลย ซึ่งตั้งบนเนื้อที่ 22 ไร่ ขับรถชิลๆไปจากในเมืองกระบี่เพียงแค่ไม่เกิน 40นาที ถนนหนทางสะดวกสบายไม่ซับซ้อนอะไร หาง๊ายยง่าย ไปถึงวัดก็มุ่งตรงขึ้นไปพระบรมเจดีย์มหาธาตุแหลมสักที่มีความสูงถึง 45 เมตร ใช้เวลาสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 และมีการ และแล้วเสร็จอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่บนเจดีย์เอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนเลย เดินขึ้นก็ไม่ไกลมากพอแค่หอบๆนิดหน่อย บันไดไม่ชัน อย่าลืมถอดรองเท้ากันด้วยเด้ออออ

สำหรับวัดแหลมสักมีประวัติอันยาวนานก่อนพุทธศักราช 2496 บ้านแหลมสักเป็นสถานที่เปลี่ยวเวลาชาวบ้านแหลมสักจะประกอบศาสนกิจต้องไปอาศัยการเดินตามคันนาไปยังวัดสมิหลัง (วัดสถิตโพธิ์ธาราม) ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 4.5 กิโลเมตร ขณะนั้นยังไม่มีถนนเชื่อมต่อมายังหมู่บ้าน

ราวปี 2492 พระอาจารย์อำพัน ธุดงค์จากภาคอีสานมายังบ้านแหลมสักโดยทางเรือและได้พักปักกลดบริเวณที่ตั้งวัดแหลมสักในปัจจุบัน สมัยนั้นเป็นเพียงที่รกร้างว่างเปล่าเมื่อชาวบ้านทราบข่าวก็มีพากันมากราบไหว้ และนิมนต์ให้ท่านอยู่โปรดชาวบ้านแหลมสัก พระอาจารย์อำพันรับนิมนต์พักอยู่ระยะหนึ่ง ในระยะเวลาที่พระอาจารย์อำพันปักกลดอยู่ที่นี่นั้น ชาวบ้านแหลมสักโดยมี คุณแม่ฉิวเหลียน ธรรมชัยปราการ เป็นผู้นำ และพร้อมด้วยหมู่เพื่อน เช่น คุณแม่นุ้ย บุญลิปตานนท์, คุณแม่โฉ แซ่ขอ, คุณแม่เหลียนหั้ว แซ่ขอ และ คุณแม่ปาน ตั้งพันธ์ หลังจากพระเดินบิณฑบาตในหมู่บ้านแล้ว จะนำอาหารคาวหวานตามไปถวายยังที่พระอาจารย์อำพันปักกลด พร้อมทั้งนั่งสวดมนต์ และฟังธรรมจากท่านเสมอ จนกลายเป็นประเพณียามเช้าของชาวบ้านแหลมสักจนถึงทุกวันนี้ หลังจากนั้นได้ธุดงค์ต่อไปยังจังหวัดพังงา และภูเก็ต

ปี 2495 ท่านอาจารย์อาจ และท่านอาจารย์คำผาย ธุดงค์มาจากภาคอีสานแจ้งความประสงค์กับชาวบ้านแหลมสักว่าจะพักปฏิบัติธรรมที่นี่ระยะหนึ่ง ชาวบ้านแหลมสักและนายมนู พยุงพันธุ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้อำเภอ ซึ่งมีสำนักงานในหมู่บ้าน ก็ได้ร่วมกันสร้างเพิงพักสองหลังเป็นที่พักปฏิบัติธรรม จากนั้นได้สร้างโรงฉัน พื้นไม้ หลังคามุงจาก เป็นที่ฉันอาหารและที่สวดมนต์ ไหว้พระประกอบศาสนกิจ อาจารย์ทั้งสองรูปจำพรรษาที่นี่ 2 พรรษา ก็ลาชาวบ้านกลับภาคอีสาน

ปลายปี 2497-2505 พระอาจารย์จันทร์แรม เขมสิริ ได้มาปฏิบัติธรรมและจำพรรษา รวม 9 พรรษา ระหว่างนั้น พระอาจารย์จันทร์แรม เขมสิริ ท่านได้เป็นหัวเรี่ยว หัวแรง นำชาวบ้านสร้างศาลาเอนกประสงค์ ขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 12 เมตร เสาช่วงล่างเป็นคอนกรีตต่อด้วยเสาไม้ ยกพื้นบนเสาไม้ หลังคามุงสังกะสี กั้นฝาไม้ งบก่อสร้างหนึ่งหมื่นสามพันบาท แล้วเสร็จในปี 2500 จึงตั้งชื่อศาลาว่า “ศาลายี่สิบห้าศตวรรษ”

ก่อนที่พระอาจารย์จันทร์แรมจะเดินทางกลับภาคอีสาน ท่านได้มอบหมายให้พระอาจารย์เนตร จิรปุญโญ และพระอาจารย์สงวน เป็นผู้ดูแลที่พักสงฆ์แหลมสักแห่งนี้แทนท่านต่อไป และในช่วงเข้าพรรษาปี 2505 มีพระจำพรรษา 2 รูป คือ พระอาจารย์เนตร จิรปุญโญ และพระอาจารย์เอียน ฐิตวิริโย จนถึงปี 2510 นายพุก กฤษเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ในสมัยนั้นได้สั่งการทำถนนลูกรังจากอำเภออ่าวลึกเข้ามายังหมู่บ้านแหลมสัก ทำให้การเดินทางของชาวบ้านในอดีตต้องอาศัยทางเรือและเดินเท้าเท่านั้นได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งยังส่งผลให้พระภิกษุเดินทางมาปฏิบัติธรรม ณ.ที่พักสงฆ์แหลมสัก ซึ่งท่านอาจารย์เนตร ยังคงเป็นผู้ดูแลอย่างต่อเนื่อง

พ.ศ. 2527 พระอาจารย์เนตร และชาวบ้านแหลมสัก ได้ทำหนังสือขออนุญาตสร้างวัดถึงกรมศาสนา ซึ่งได้รับอนุมัติให้สร้างวัดได้ภายในกำหนดเวลาตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2527 ถึงวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2532 เนื่องจากวัดไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง จึงได้ทำหนังสือขอใช้ที่ดินสาธารณะประโยชน์ เป็นที่ตั้งวัดในพื้นที่ 12 ไร่จากกระทรวงมหาดไทย ทางกระทรวงได้อนุญาตให้ใช้ที่ดินตามความประสงค์ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 กระทรวงศึกษาธิการได้ขึ้นทะเบียนยกฐานะสำนักสงฆ์แหลมสักเป็นวัดแหลมสัก โดยมีพระอาจารย์เนตร จิรปุญโญ เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก

ในปี 2530 พระอาจารย์เนตร และชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างศาลาอเนกประสงค์หลังใหม่แทนหลังเดิม โดยว่าจ้างผู้รับเหมาจากจังหวัดภูเก็ตมาทำการก่อสร้างด้วยงบ 542,700 บาท ศาลาอเนกประสงค์หลังนี้ ได้กลายมาเป็นพระอุโบสถของวัดแหลมสักในปัจจุบันช่วงเวลาดังกล่าว ครอบครัวเอกไพบูลย์ โดยเฉพาะ นางเพ็ญพรรณ เอกไพบูลย์ ได้เป็นผู้นำฝ่ายคฤหัสถ์เข้ามาอุปถัมภ์ดูแลวัดแหลมสักสืบต่อจากญาติโยมรุ่นก่อน ได้ร่วมกันสร้างเสนาสนะเพิ่ม เติม เช่น สร้างกุฏิสงฆ์ให้เพียงพอ สร้างกุฏิเจ้าอาวาส ศาลาการเปรียญ และโรงครัว

ปี 2540 วัดแหลมสัก ได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมา และได้รับพระราชทานเมื่อวันที่๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ ตลอดระยะเวลาที่พระอาจารย์เนตร จิรปุญโญ เป็นเจ้าอาวาสวัดแหลมสัก ท่านได้เมตตาสละปัจจัยส่วนตัว สร้างสาธารณประโยชน์แก่ชาวบ้านแหลมสักมาโดยตลอด เช่น บริจาคเงินซื้อกระเบื้องมุงหลังคาโรงอาหาร โรงเรียนบ้านแหลมสัก, ซื้อเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลอ่าวลึก เป็นเงินเกือบหนึ่งแสนบาท, จัดทอดกฐินรวบรวมเงินสร้างตึกสงฆ์ของสมเด็จพระสังฆราช ณ โรงพยาบาลอ่าวลึก เป็นเงินเกือบหกแสนบาท, ช่วยค่าเดินทางสำหรับภิกษุที่เดินทางมาจากภาคต่างๆ เพื่อมาปฏิบัติธรรม หรือ ค่าเครื่องบินในกรณีเร่งด่วน, บริจาคเงินให้แก่ชุมชนมุสลิม เมื่อมีงานบุญโดยไม่แยกพวก ถือเราถือเขา หรือผู้นับถือศาสนาอิสลามเจ็บไข้ได้ป่วยมาขออนุเคราะห์ปัจจัยพระอาจารย์เนตรท่านก็เมตตาช่วยเหลืออยู่เป็นประจำ

จนในปี ๒๕๔๒ พระชูศักดิ์ ปัญญาสักโก มาอุปสมบทที่วัดแหลมสัก ต่อมา พ.ศ. 2549 หลวงปู่เนตรได้สละตำแน่งเจ้าอาวาส เนื่องจากมีอายุมาก และได้มอบภาระการดูแลวัดให้แก่พระชูศักดิ์ ปัญญาสักโก เป็นผู้รักษาการแทน จนกระทั่งปี 2550 พระอาจารย์ชูศักดิ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส จวบจนปัจจุบัน สามารถหาข้อมูลวัดแหลมสักเพิ่มเติมได้ที่ www.watlamsak.com

วัดมหาธาตุแหลมสัก จ.กระบี่

พระบรมสารีริกธาตุวัดแหลมสัก จ.กระบี่

สักการะพระบรมสารีริกธาตุวัดแหลมสัก จ.กระบี่

ด้านหลังเจดีย์ วัดแหลมสัก จ.กระบี่
ด้านบน นอกจากความน่าตื่นตาตื่นใจกับตัวเจดีย์ที่อลังการล้านแปด ภาพเขียนผนัง บนประตู ที่บรรยายเรื่องราวพุทธชาดก เขียนภาพได้สวยสดงดงามวิจิตรมากกกกก คนชอบถ่ายรูปนี่เตรียมเมมโมรี่ไปเยอะๆเลยนะคะ ด้วยลักษณะที่ตั้งของวัดเป็นบริเวณพื้นที่ภูเขาหินปูนซึ่งสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ได้ 3 ด้าน สามารถชมวิวทิวทัศน์จากมุมด้านบนองค์เจดีย์คือเดอะเบสเลยเกือบ 140 องศารอบเจดีย์จะล้อมรอบไปด้วยวิวทะเลและภูเขาสลับซับซ้อน สวยแบบไม่มีอะไรมากั้น คนชอบวิวทะเลวิวภูเขารับรองมีกรี๊ดแน่ๆ ไหว้พระทำบุญ ถ่ายรูปกันเสร็จก็อย่าเพิ่งรีบกลับ แวะชมชุมชนแหลมสักเป็นชุมชนที่มีการผสมผสานกันระหว่าง 3 ศาสนาได้แก่ ชาวบาบ๋า(จีนฮกเกี้ยน) ชาวมุสลิม(มลายู) และชาวไทยพุทธ ทำให้เกิดวัฒนธรรมร่วมกันที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นเฉพาะพื้นที่ 

คนเลี้ยงปูนิ่มวัดแหลมสัก จ.กระบี่

ฟาร์มปู่นิ่มวัดแหลมสัก จ.กระบี่
ขับรถเข้าไปทางหลังวัด มีท่องเที่ยวชุมชนแหลมสักให้ดูต่อ ลัดเลาะไปตามทางมีหมู่บ้านชาวประมง ขับลงไปเจอฟาร์มเลี้ยงปูนิ่มจร้าาาา แจ๊คพ็อตมาก ได้เปิดโลกเลย กินมาตั้งนานเพิ่งจะรู้ว่าปูนิ่มคือปูดำเราดีๆนี่แหละ ซึ่งในธรรมชาติก็มีแต่มันช้า มนุษย์เลยเอามาเลี้ยงเอง โดยใช้กรรมวิธีการเลี้ยงที่ทำให้กระดองปูไม่แข็ง ทำให้มันลอกคราบ และเอาตัวนิ่มๆมาให้เราทานกันนั่นเอง พี่เค้าใจดี ใครอยากแวะไปเยี่ยมเยียน เค้าก็จะเล่าและโชว์วิธีเลี้ยงปูให้ดูนะจ้ะ

ท่าเรือแหลมสัก จ.กระบี่

เที่ยวแหลมสัก จ.กระบี่

ขับต่อไปอีกประมาณสี่กิโลเมตรก็จะไปเจอท่าเรือแหลมสัก ที่เราสามารถนั่งเรือออกไปเที่ยวเกาะใกล้ๆ อาทิเช่น เกาะหมาก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ ฯลฯ ได้จากจุดนี้เราสามารถไปได้อีกหลายเกาะเลยทีเดียว เสียดายวันนี้มาช้าไปหน่อย สอบถามชาวบ้านได้ความว่ามีเกาะหมากอยู่ไม่ไกล นั่งเรือแค่15 นาที เป็นเกาะที่กว้างเพียงแค่ประมาณ 4กม. และมีชายหาดล้อมรอบ น่าไปมากๆ คราวหน้าต้องมาซ่อมซักหน่อย แล้วจะมาเล่าใหม่นะคะ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Cookie PDPA

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า